มวยไท้เก๊กตระกูลอู่ กำเนิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิงในช่วงรัชสมัยของเสียนเฟิงฮ่องเต้

อู่อวี่เซียงคือปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งมวยไท้เก๊กตระกูลอู่

 

武禹襄祖師

 

อู่อวี่เซียง (ค.ศ.1812-1880) แซ่อู่ มีชื่อว่า เหอชิง มีอีกชื่อหนึ่งว่าอวี่เซียง เป็นชาวตำบลกว๋างฝู่ อำเภอหย่งเหนียน มณฑลเหอเป่ย อู่อวี่เซียงเกิดในตระกูลบัณฑิต มีพี่ชาย 2 คน (อู่เฉิงชิง, อู่หยู่ชิง)ไปเป็นขุนนาง  อู่อวี่เซียงเป็นบัณฑิต ในเหล่าพี่น้องมีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่บ้านเกิด มีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ, วิเคราะห์วิจัยทางมวยไท้เก๊ก อู่อวี่เซียงกับพี่ชายรวม 3 คน ชอบศึกษาทางด้านศิลปศาสตร์ และวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เยาว์วัย  มีชาติตระกูลที่มั่งคั่ง มีกิจการห้างขายใบชาอยู่ในเมือง ทั้งถนนด้านทิศตะวันออกและถนนด้านทิศตะวันตก ถนนละ 1 ห้าง ภายหลังได้รวมร้านทั้งสองแห่งเข้ารวมเป็นร้านเดียว โดยร้านทางถนนทิศตะวันตก ได้ปล่อยเช่าให้กับเฉินเต๋อหูคนของเฉินเจียโกว (หมู่บ้านสกุลเฉิน) ตำบลเวิน มณฑลเหอหนาน เปิดเป็นร้านขายยาชื่อว่า "ไท้เหอถัง"

ใน ช่วงปีรัชกาลเต้ากวงฮ่องเต้  หยางลู่ฉาน (ค.ศ. 1799-1872) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในหมู่บ้านเดียวกัน ได้กลับมาที่หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ร่ำเรียนยุทธจากเฉินเจียโกว ตำบลเวิน มณฑลเหอหนาน อู่อวี่เซียงมักจะลองวิชากับหยางลู่ฉานเป็นประจำ พบว่ายากที่จะรู้ซึ้งถึงความพิศดารและความลึกซึ้งได้

ในปีที่ 2 ของรัชกาลเสียนเฟิงฮ่องเต้ (ค.ศ. 1852) อู่เฉิงชิง (ค.ศ. 1800-1884) ซึ่งเป็นพี่ชายของอู่อวี่เซียง สอบได้จิ้นซื่อ และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ เป็นนายอำเภอที่อำเภอู่หยาง มณฑลเหอหนาน อู่อวี่เซี่ยงได้รับคำสั่งจากแม่ ให้ไปเยี่ยมเยียนพี่ชายที่อำเภออู่หยางมณฑลเหอหนาน ระหว่างทางซึ่งต้องผ่านหมู่บ้านเฉินเจียโกว อำเภอเวิน จึงคิดที่จะไปเยี่ยมเฉินฉางซิง (ค.ศ. 1771-1853) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหยางลู่ฉาน เพื่อขอคำชี้แนะ ตอนที่ผ่านหมู่บ้าน จ้าวเป่าติ้งได้ทราบว่าเฉินฉางซิงกำลังป่วยด้วยโรคชรา (ปีนั้นฉางซิงมีอายุได้ 82 ปี และได้ถึงแก่กรรมในปีนั้นเอง) ภายหลังได้รับคำแนะนำจากร้านขายยา "ไท้เหอถัง" ที่หย่งเหนียนว่าที่หมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง อำเภอเวิน มณฑลเหอหนาน มีครูมวยอยู่ท่านหนึ่ง แซ่เฉินชื่อชิงผิง มีวิชาหมัดมวยลึกล้ำ มีฝีมือเป็นเลิศ ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ ดังนั้น ระหว่างทางที่อู่อวี่เซียงเดินทางไปเยี่ยมอู่เฉิงชิง ผู้พี่ที่อำเภออู่หยาง ได้วกเข้าหมู่บ้านจ้าวเป่า กราบอาจารย์เพื่อเรียนวิชา หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาจากเฉินชิงผิง (ค.ศ. 1795-1868) เป็นเวลาเดือนเศษ ได้เรียนรู้หลักเกณฑ์จนครบถ้วน รู้ลึกถึงความพิศดาร

นอก จากนี้อู่อวี่เซียงยังได้รับ "บันทึกมวยไท้เก๊ก" ซึ่งแต่งโดยซันอิ้วหวังจงเยว่ (อยู่ในสมัยเฉียนหลงฮ่องเต้) จากอู่เฉิงชิงผู้พี่ซึ่งได้บันทึกเล่มนี้ จากร้านขายเกลือในอำเภออู่หยาง หลังจากกลับถึงกว๋างฝู่แล้ว อู่อวี่เซียงตั้งอกตั้งใจ วิเคราะห์และฝึกฝนสิ่งที่ได้จากบันทึกเล่มนั้น พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดลออ ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ประลองฝีมือกับเหล่ายอดฝีมือ และไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งยืนยันได้ถึงพลังฝีมือของมวยไท้เก๊กที่ได้ฝึกฝน มาสองปีให้หลังฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้ค้นพบหลักเกณฑ์อย่างมากมาย ซึ่งได้รับจาการฝึกฝนด้วยตนเอง เข้าใจถึงแก่นวิชาในบันทึกมวยไท้เก๊ก และได้หล่อหลอมเอาสิ่งที่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเข้ารวมกับหลักพิชัย สงคราม, แนวทางของเต็มว่างเท็จจริง, อรรถาธิบายเกี่ยวกับเส้นลมปราณภายในร่างกายของวิชาแพทย์, วิชาเต้าอิ่นถู่น่าของวิธีการบำรุงสุขภาพ, การเก็บปล่อยพลังของวิธีการต่อสู้, ความคล่องแคล่วของการยกปล่อย โดยได้ใช้สติปัญญาวิเคราะห์อย่างเต็มความสามารถเป็นเวลาหลายปี ก็สมปรารถนาอันสุดยอด อู่อวี่เซียงยังได้อาศัยกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ของวิชามวยบัญญัติมวยขึ้นมาชุด หนึ่ง ซึ่งท่ามวยได้หลอมรวมเอาวิชาต่อสู้กับการบำรุงสุขภาพร่างกายเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังได้บัญญัติท่ากระบี่ไท้เก๊กตระกูลอู่, 13 ดาบไท้เก๊กตระกูลอู่, 13 ทวนไท้เก๊กตระกูลอู่, การฝึกโต้ตอบทวน, ทวนเกาะติด ชุดฝึกเหล่านี้ เป็นต้น ทั้งยังนำเอาการผลักมือมาเปลี่ยนแปลงเป็นการก้าวหน้าถอยหลัง 3 ก้าวครึ่งซึ่งเป็นการผลักมือแบบก้าวย่าง

เขา อาศัยความรู้ในหลักวิชามวยที่ละเอียดจนลึกล้ำอย่างยิ่ง รวมทั้งสิ่งที่ค้นพบด้วยตนเองจำนวนไม่น้อย สถาปนามวยไท้เก๊กขึ้นสำนักหนึ่ง คือมวยไท้เก๊กตระกูลอู่ ที่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักวิชาของมวยไท้เก๊กอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้รวบรวมเอาสิ่งที่ได้ปฏิบัติจริงและเข้าใจมาประพันธ์ออกมาเป็น เพลงเคล็ดการเดินพลัง 13 ท่า", "ไขความกระจ่างในการผลักมือ", "อรรถาธิบายมวยไท้เก๊ก", "อรรถาธิบายวิพากษ์มวยไท้เก๊ก", "วิพากษ์ 13 ท่าโดยย่อ", "เคล็ดลับ 4 คำ", "แปดหลักร่างกายที่สำคัญ", "สิ่งสำคัญในการผลักมือ" เป็นต้น ซึ่งเป็นวิพากษ์มวยอันเลื่องชื่อ กลายเป็นระบบการศึกษา การวิพากษ์หลักเกณฑ์ของมวยไท้เก๊กที่สมบูรณ์ขึ้นมาชุดหนึ่ง บทประพันธ์เหล่านี้ เป็นผลงานซึ่งได้อุทิศเพื่อการพัฒนาทฤษฎีของมวยไท้เก๊ก ซึ่งจวบปัจจุบันกาล ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้

กู้หลิวเซียงนักวิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงบทประพันธ์ของตระกูลอู่ว่า "ข้อความสั้นกระทัดรัดไม่มีข้อความไร้สาระแม้แต่น้อย"

อู่อวี่เซียงรับศิษย์น้อยมาก รับหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาวคือ หลี่อวี้อวี๋เพียงคนเดียวเท่านั้น